วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สัตว์โรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะทางที่รักษาสัตว์เฉพาะทาง


โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 

ตั้งอยู่ด้านถนนพหลโยธิน ใกล้กับกรมส่งเสริมการเกษตร

เลขที่ 50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

เวลาให้บริการ วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี 08.30-15.30 น.     วันศุกร์ 08.30-11.00 น.     วันหยุดราชการ 08.30-11.00 น.

บริการตรวจรักษาสัตว์ฉุกเฉินนอกเวลา 18.00-20.00 น.

Website :  http://www.vet.ku.ac.th/bk_animhos/bk_anim_index.htm
.
สัตวแพทย์ 4 โพลีคลินิก (Vet4 Polyclinic)
สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : น.สพ.เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล (หมออ้อย)

เลขที่ 5 – 5/1 ถนน เทศบาลรังสฤษดิ์เหนือ ประชานิเวศน์ 1 จตุจักร กรุงเทพฯ 10900

Website : http://www.vet4polyclinic.com
.
โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

39 ถ.อังรีดูนังต์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

Website : http://www.vet.chula.ac.th/~sah/
.
โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ 

เลขที่ 205/5-8 ซอยทองหล่อ (ระหว่างซอย 9 กับ 11) ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

วันและเวลาทำการ: เปิดทำการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

Website : www.thonglorpet.com
.
คลินิกพายุรักษาสัตว์ 

สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : น.สพ.เกษตร สุเตชะ และ น.สพ.พายุ ศรีสุพร

1470 ปากซอยอินทามาระ 26/2 ถนนสุทธิสาร ดินแดง ทม.10320

เปิดทุกวัน 10.00-21.00น.

เบอร์ติดต่อ 0-2693-7972

คุณหมอเกษตร ตรวจรักษาเฉพาะวันจันทร์ – วันพุธ 18:30- 21:00 น.
.
โรงพยาบาลสัตว์คุณหมอปานเทพ คลินิกนกและสัตว์ป่า
สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร

356/7 ถนนศรีอยุธยา ซอย 3 (ซอยศรีอยุธยา 3 ระหว่างโรงพยาบาลเดชากับโรงพยาบาลพญาไท1) พญาไท กทม.

โทรศัพท์ 02-591-6410, 02-245-4946

วันและเวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 17.00- 19.00 น. เสาร์ – อาทิตย์ 10.00-16.00 น.
.
โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ

เลขที่ 91/10 (ก่อนถึงห้าแยกวัชรพล ตรงข้ามร้านอาหารนาย ต. เนื้อตุ๋น) ถนนวัชรพล (รามอินทรา 55) ท่าแร้ง บางเขน กรุงเทพ 10220

โทรศัพท์ 086-336-4462 02-9482627

วันและเวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 9.00 -24.00 น.

Website : http://www.epofclinic.com/wizContent.asp?wizConID=163&txtmMenu_ID=7
.
โรงพยาบาลสัตว์ สุวรรณชาด (ในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์)

สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : น.สพ.วิศิษฎ์ อาศัยธรรมกุล

เลขที่ 33/39 หมู่ 3 ถนนรามคำแหง กรุงเทพ 10240

โทรศัพท์ 02-729 – 5706-7   โทรสาร 02-729 – 5709

วันและเวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 9.00 -21.00 น.
.
สุขุมวิทสัตวแพทย์ 

เบอร์โทร 0-2391-9117, 0-2390-2622 เปิดจันทร์-ศุกร์ 8.00-21.00น.

เสาร์-อาทิตย์ 8.00-19.00น.
.
คลินิกสัตวแพทย์ 44 

ซอยเสือใหญ่อุทิศ ตรงข้ามกับสยามจัสโก้วังหิน ให้บริการในและนอกสถานที่

เบอร์โทร 0-2570-8929, 081-484-2409
.
ลาดพร้าว 9 สัตวแพทย์
ติดถนนใหญ่   ปากซอยลาดพร้าว 9  ห่างจากคาร์ฟูลาดพร้าว 20 เมตร

สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : น.สพ.ณัฐวุฒิ คณาติยานนท์ (หมอกอล์ฟ)  สพ.ญ.นัจพร  แจ่มจันท์ (หมอออย)  น.สพ.เชาวพันธ์  ยินหาญมิ่งมลคล (หมออ้อย)

โทรศัพท์  02-513-5007   มือถือ 087-696-8338

วันและเวลาทำการ  :  ทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.

.
เอ็น.เค. สัตว์แพทย์
บางขุนเทียน  กรุงเทพ ฯ

สัตว์แพทย์ผู้ตรวจ :  น.สพ.นำดี  แซ่เฮง

โทรศัพท์ : 02-895-6247

วันและเวลาทำการ  : ทุกวัน  09.00-21.00 น.
.
โรงพยาบาลสัตว์บางนา
เลขที่ 232/2 ถ.บางนา-ตราด  แขวงบางนา  เขตบางนา  กรุงเทพ ฯ

วันและเวลาทำการ  : 24 ชม. ทุกวัน

หมอเฉพาะทางเข้าตรวจ  เฉพาะ  วันพฤหัสบดี  เวลา  17.00 – 21.00 น.

Website : http://www.bphpetcare.com
.
หมอเหนือรักษาสัตว์

ตรวจรักษาสุนัข-แมว

คลินิกสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ (กระต่าย ชูก้าร์ไกลเดอร์ หนู กระรอก เต่า กิ้งก่า งู ฯลฯ)

ฉีดวัคซีน ผ่าตัด ทำหมัน ตรวจเลือด ขูดหินปูน

อาบน้ำ-ตัดขน ฝากเลี้ยง pet shop

เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 น.- 20.00 น.คลินิกอยู่แถวๆลำลูกกาคลองสอง

โทร.02-159-1313
.
ต่างจังหวัด
จังหวัดนครราชสีมา
โรงพยาบาลปากช่อง
สัตว์แพทย์ผู้ตรวจ : น.สพ.วัชรินทร์  หินอ่อน  สพ.ญ.สุณิสา  เอื้อเฟื้อกลาง

ที่อยู่ : เลขที่ 830-11 หน้าที่ว่าการอำเภอปากช่อง  ถ.มิตรภาพ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

วันและเวลาทำการ : วันจันทร์ – วันสาร์  08.00 – 20.00 น.   หยุดวันอาทิตย์

Website : www.pakchongpet.com
.
จังหวัดขอนแก่น
โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เลขที่ 123 ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40002

ภายในมหาวิทยาลัย (ประตู ถนนมิตรภาพ)

วันและเวลาทำการ :  วันจันทร์ – ศุกร์ : เช้า 8.30-12.00 น.  บ่าย 13.00-16.30 น.

คลินิกนอกเวลา วันจันทร์ – ศุกร์ : เวลา 17.00-20.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ : เช้า : เวลา 9.00-12.00 น.  บ่าย : เวลา 13.00-16.00 น. หยุด ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์

Website : http://vet.kku.ac.th/hospital/vethos.html
.
จังหวัดชลบุรี

คลินิกสัตวแพทย์ 55 

สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : น.สพ.เดชา พิทักษ์กิ่งทอง

เลขที่ 65 ถ.เจิมจอมพล ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี

โทรศัพท์ 038- 770-192

วันและเวลาทำการ : อังคาร – อาทิตย์ เวลา 09.00-20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
.
คลีนิคหมอสวนสัตว์ 

สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : สพ.ญ.ดาริกา ทองไทยนันท์

117 ถ.สุขุมวิท ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี

โทรศัพท์ 083 – 017 9767

วันและเวลาทำการ : อังคาร-เสาร์ : 17.30-20.30น. อาทิตย์ : 10.30-20.30น.
.
จังหวัดลำปาง

คลินิกเพื่อนรัก

สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : สพ.ญ.สกุลแก้ว ยาคำ

เลขที่ 111/5 ถ.พระเจ้าทันใจ ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง

โทรศัพท์ 054- 312 258

วันและเวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 07.30- 21.00 น.
.
คลินิกบ้านรักษาสัตว์

สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : นายสัตวแพทย์พงษ์ประสิทธิ์ พงษ์พิจิตร

เลขที่ 43/20 ถ.ท่าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง 52100

โทร. 054-311-110, 08-4040-8630

วันเวลาทำการ จันทร์ – เสาร์ เวลา 09.00 – 19.30 น.
.
จังหวัดเชียงใหม่

โรงพยาบาลสัตว์ เชียงใหม่รักสัตว์

สัตวแพทย์ผู้ตรวจ : สพ.ญ.วีณา ธงซิว

เลขที่ 11/1 ม.4 ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่

โทรศัพท์ 053-247-959-60
.
คลินิกสัตว์เลี้ยงพิเศษ โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ สถานบริการสุขภาพสัตว์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

ถนนริมคลองชลประทาน ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200

เบอร์โทรศัพท์ : 053-948 031, 948 033

วันและเวลาทำการ : วันพุธ ทุกสัปดาห์
.
จังหวัดนครศรีธรรมราช

คลีนิกทุ่งสงรักษ์สัตว์
เลขที่ 151 ถ.ทุ่งสง – สุราษฎร์ (ตรงข้ามโรงเรียนสตรีทุ่งสง)  ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

สัตว์แพทย์ผู้ตรวจ : สพ.ย.อรพรรณ  อาจคำภา

โทรศัพท์ : 084-1213654

วันและเวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 17.00 – 20.00 น.  เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 20.00 น.
.
จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เลขที่ 18/31 หมู่บ้านมุกธานี 1 ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราฎษร์ธานี

สัตว์แพทย์ผู้ตรวจ : น.สพ.พุทธิพงศ์  ขาวนวล

โทรศัพท์ : 077-222253  มือถือ : 086-5707071

วันและเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน  เวลา  08.30 – 20.30  ฉุกเฉิน 24 ชม.
.
หมายเหตุ ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลง

แทะกรง!!! ปัญหาระดับโลก -*-


เชื่อว่าหลายๆคนต้องเจอปัญหาลูกๆแทะกรง จนหน้าเละ! ฟันหัก! หนวกหู! ปัญหาโลกแตกมากๆ
จริงๆแล้วการเลือกกรงสำหรับแพร์รี่นั้น ควรเป็นกรงโครเมี่ยมหรือสแตนเลส ที่ไม่มีคม ไม่ชุบสี(เพราะถ้าแทะจนสีหลุด จะมีคม) และเมื่อไหร่ที่มันมีคม หรือผิวไม่เรียบ มันทำให้เกิดแผล หรือขนร่วงได้แน่ๆถ้าเค้าไปมุดแทะบ่อยๆ
...เราควรเลือกกรงที่มีความถี่ที่สุด ขนาดของช่องไม่เกิน 1 ชม. เพื่อไม่ให้เค้าสามาถมุดหน้า หรือยื่นปากของออกมาแทะได้ แต่ว่าบ้านเรา กรงถี่สุดๆก็มักเป็นลวดเส้นเล็กๆที่ไม่สามารถทนต่อพลังทำลายล้างได้อีกนั่นแหละ

คำแนะนำคือต้องใช้อุปกรณ์เสริม เพื่อกันไม่ให้เค้าแทะ หรือมุดหน้า
สังเกตุว่า เค้าจะแทะหนักๆ บริเวณที่สามารถมองเห็นคนได้ หรือมองไปไกลๆได้ (จะไม่แทะด้านที่เข้าหากำแพง)

วิธีบรรเทาด้วยการติดตะแกรงเพิ่ม
1 ใช้ลวดตาข่าย แบบถี่ (แนะนำว่าต้องขนาด 0.5 ซม. ขนาดเท่าในรูปเท่านั้นนะคะ ที่ขายทั่วไปจะขนาด 1*1 ซม. ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว อาจทำให้หน้าเละหนักกว่าเดิม เพราะเค้าสามารถยื่นปากออกไปแทะได้ แล้วมันก็อาจจะบาดจนเกิดแผลหนักกว่าเดิม ขนาดตามภาพ หาซื้อค่อนข้างยาก แต่แถวบ้านมีขายพอดี ><)

2 ไม่แนะนำตาข่ายพลาสติก เพราะแทะแปบเดียวก็หายวับไปกับตาค่ะ
3 การติดลวดตาข่าย
- ติดด้านนอกของกรงนะคะ
- วัดขนาดของกรง แล้วตัดลวดให้มีขนาดเล็กกว่าขนาดกรง1-2 ช่อง เพื่อที่เวลานำมามันจะตึงค่
- รัดให้ลวดแนบชิดกับซี่กรงมากที่สุด แล้วรัดให้แน่น เทคนิคคือ ลวดตาข่ายต้องดึงค่ะ
>> ทำไมอันนี้ถึงได้ผลดี เพราะแพร์รี่ด็อกฉลาดมาก เมื่อเค้าพยายามจะแทะซี่กรง จะติดลวดตาข่ายด้านนอก เค้าจะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะแทะกรง เพราะมันยังมีด้านนอกที่เค้าไม่สามรถผ่านไปได้ เค้าจะไปหาทางอื่นแทน ถ้ามันมีที่ง่ายกว่านี้
>> ผ้าแบบนี้สามารถหาซื้อได้ที่สวนค่ะ มีหลายขนาด ราคา 80-200 บาท แล้วแต่ขนาด มันจะมีกระดุมอยู่ที่มุม เราสามารถนำมาติดได้เลย แต่ในภาพเราเจาะแล้วมัดเอาค่ะ

สิ่งที่ควรทำเมื่อแพร์รี่มีอาการติดสัด


1 แยกแพร์รี่ตัวที่ติดสัดออกจากสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมเพศตรงข้ามทุกชนิด โดยต้องแยกกันอยู่คนละห้องเลยนะคะ 
ฮอโมนสามารถลอยมาได้แต่ไกล และเค้าสามารถรับรู้ได้ นั่นหมายถึงเค้าจะถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ดีถ้าอยู่ในห้องเดียวกัน หรือแม้แต่เจ้าของเอง หากเป็นเพศตรงข้าม หรือไปจับสัตว์เลี้ยงเพศตรงข้ามมา ก็ต้องล้างมือก่อนไปสัมผัสหรือเข้าใกล้เค้านะคะ
2 ต้องรักษาระดับอณุหภูมิในปัจจุบันให้คงที่ หากเคยเลี้ยงอยู่ในห้อง 28-30 องศา ก็พยายามรักษาระดับนี้ไว้ให้ได้ทั้งวัน และงดพาออกข้างนอกด้วยนะคะ
3 เนื่องจากการสูบฉีดของเลือดที่ไหลเวียนตลอดเวลา ทำให้ในช่วงติดสัดนี้แพร์รี่ควรได้รับการเสริมโปรตีน (สำหรับแพร์รี่ผู้ใหญ่อายุ 2 ปีขึ้นไป จากปกติแนะนำหนอนนกอบแห้ง อาทิตย์ละ 1-2 ตัว ในช่วงติดสัดควรให้วันละ 1 ตัว)
*หากปฎิบัติตามนี้ จะพบว่าแพร์รี่มีระดับฮอโมนที่ต่ำลงภายใน 1 สัปดาห์

**ถ้าผู้เลี้ยงท่านใด มีแพร์รี่ที่เลี้ยงเป็นคู่ และมีอาการติดสัดพร้อมกัน หากต้องการจะให้ผสมกันเป็นผลสำเร็จ สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษา การดูแลในช่วงผสมพันธุ์และระยะตั้งท้องได้นะคะ 
โดยเราและทางนักวิจัยจะพิจรณาเป็นรายกรณี(ดูจากความพร้อมของสถานที่และผู้เลี้ยง สิ่งแวดล้อม อายุ และสุขภาพของแพร์รี่ประกอบกัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายและมีความซับซ้อนในการดูแลอยู่มาก และจะให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่ได้ผสมพันธุ์เพื่อทำการค้าเท่านั้น)
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นที่ผู้เลี้ยงต้องตระหนัก คือ การตั้งท้องในแพร์รี่นั้น ส่งผลต่อสุขภาพ และการมีชีวิตที่ยืนยาว หมายถึงว่า มันอาจต้องแลกมาด้วยการมีอายุขับที่สั้นลงของเค้าด้วย (หากคุณคิดว่ามันคุ้มนะคะ)
โดยเฉพาะการผสมพันธุ์ก่อนอายุ 2 ปี นอกจากจะอันตรายอย่างมากกับเพศเมียแล้ว หากผสมสำเร็จคลอดลูกได้ ก็อาจจะได้ลูกที่ออกมาแบบไม่มีคุณภาพหรือไม่สมบูรณ์

การติดสัด

การติดสัดคือ การที่แพรืรี่มีฮอโมนเพศเพิ่มสูงขึ้นจากปัยจัยดังนี้
1 สภาพอาการที่เปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัด เช่น ฤดูผสมพันธุ์ ,จากหน้าร้อน ไปสู่หน้าหนาว หรือการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่มีความแตกต่างกันมากๆในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
2 การได้รับฮอโมนกระตุ้นจากเพศตรงข้ามในช่วงเวลาที่ระดับฮอโมนเพศของตัวเองมีการเปลี่ยนแปลง

แพร์รี่ด็อกเป็นสัตว์สังคมอย่างมาก
..ในสายตาของแพร์รี่ ทุกสิ่งมีชีวิตจัดว่าไม่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น หมา แมว ชูก้า กระรอก กระต่าย แม้กระทั่งมนุษย์(อาจจะดูใหญ่กว่าตัวอื่นนิดนึง) ฯลฯ
ดังนั้นเราจึงรู้สึกว่าเค้าช่างเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักเหลือเกิน เข้ากับทุกสิ่งมีชีวิตได้ง่าย (ยกเว้นเวลาธาตุไฟเข้าแทรก)
สิ่งเดียวที่แตกต่างกันสำหรับเค้านั้นคือ "เพศ" เพราะฉนั้น ไม่ใช่แค่ฮอโมนของแพร์รี่ด็อกด้วยกันเองเท่านั้นที่จะเป็นส่วนกระตุ้นในเกิดอาการติดสัด สิ่งมีชีวิตที่เลี้ยงลูกตัวนมสามารถเป็นตัวกระตุ้นได้ทั้งนั้น
เหตุนี้จึงมีการแนะนำว่า แพร์รี่ด็อก "ควรเลี้ยงเพศเดียวกัน" และควรเลี้ยงแยกกับสัตว์อื่

อาการติดสัดในแพร์รี่ โดยปกติแล้วจะพบในช่วงอายุประมาณ 2 ปีขึ้นไป หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยอย่างเหมาะสม ก็จะติดสัดอย่างมากปีละ 1ครั้ง ในฤดูผสมพันธุ์ หรืออาจไม่มีอาการเลยหากไม่ได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยที่พูดถึงข้างต้น
แต่ปัจจัยนี้ไม่มีความแน่นอน เนื่องจากความแตกต่างด้านสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดู กิจกรรมในชีวิตประจำวัน ระดับฮอโมนจึงไม่มีช่วงเวลาที่สามารถบอกได้แน่นอนในแต่ละตัว (การผสมแพร์รี่จึงเป็นเรื่องยากมากเมื่อนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน)
แต่หากมีปัจจัยที่กระตุ้นมากๆสามารถพบได้ว่าแพรืรี่มีอาการติดสัดเร็วกว่าปกติ เช่น ตั้งแต่อายุ 6 เดือน(เหมือนมนุษย์ที่บางคนมีประจำเดือนตั้งแต่ 10ขวบ)

อาการติดสัดสังเกตุได้ว่า อวัยวะเพศจะบวมใหญ่ขึ้นตามระดับฮอโมนที่สูงขึ้น หากระดับฮอโมนขึ้นสูงมากแต่ไม่สามากหาคู่ผสมพันธุ์ได้ อาจมีอาการคลุ้มคลั่ง ดุร้าย กระวนกระวาย หวงถิ่นและเพศตรงข้าม
และพบว่าเพศเมียอาจมีความคลุ้มคลั่งที่รุนแรงได้มากกว่า (มาถึงจุดนี้ ทุกคนอาจตั้งคำถามว่า งั้นทำไมไม่เลี้ยงเป็นคู่ มันจะได้ผสมกัน คำตอบคือ แต่ละตัวมีจังหวะการขึ้นลงของฮอโมนไม่เท่ากัน ตัวหนึ่งกำลังติดสัด อีกตัวอาจจะไม่เป็นเพราะระดับฮอโมนยังไม่ถูกกระตุ้นมากพอหรือสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย)
และ "ไม่ควรอย่างยิ่ง" ที่จะปล่อยให้เค้ามีอาการติดสัดอย่างต่อเนื่อง เพราะระดับเลือดในร่างกายจะสูบฉีดตลอดอุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะในเพศเมียที่จะมีปัสสวะคลั่งอยู่ในอวัยวะเพศ หากปล่อยไว้นานๆหรือมีอาการบวมมากๆ จะทำให้กระเพาะปัสสวะอักเสบ ฉี่เป็นเลือดได้
ดังนั้นฮอโมน จึงไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสำหรับผู้ที่เคยพบปัญหานี้มาแล้ว ในบางรายอาจมีอาการคลุ้มคลั่งได้มากกว่าปีละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2-3 สัปดาห์เลยทีเดียว หากผู้ใดพบปัญหานี้ แนะนำว่าให้ทำหมัน ซึ่งสามารถทำได้ในแพร์รี่ที่มีอายุตั้งแต่ 1-2 ปีขึ้นไป หรือสามารถทำหมันเร็วกว่านั้นได้หากมีอาการติดสัดเร็วกว่าปกติ

ข้อเสียของแพรี่ด็อก



ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเค้ามาเลี้ยงนั้น สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากการประเมิณความสามารถในการเลี้ยงดูระยะยาวแล้ว นั้นคือการรับข้อเสียของเค้าให้ได้ซะก่อน

1 ปีนป่าย กระโดด ขุด
แพร์รี่ด็อกไม่ใช่สัตว์ที่เกิดมาเพื่อปีน เค้าเกิดมาเพื่ออยู่บนที่ราบ แต่มีความสามารถในการปีนป่ายได้สุดยอด เมื่ออยู่ในกรง ต้องระวังการตกกระแทกพื้น โดยเฉพาะกรงสูงๆ เมื่อปล่อยออกจากกรงก็ต้องคอยระวัง ไม่ว่าจะเป็นปีนเตียง ปีนชั้นวางของ มุ้งลวด ระเบียง แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราว "อย่าประเมิณความสามารถเค้าต่ำเด็ดขาด ประเมิณไว้สูงๆเลย"
แพร์รี่เมื่อยืนจะสูงประมาณ 1 ฟุต แถมยังกระโดดได้เก่งและสูงด้วย ถ้าสามารถเอื้อมถึงวัตถุใดก็ตามที่จับถึงได้ การปีนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ขุดก่อน ขุดไม่ได้ก็ปีน ปีนไม่ถึงก็กระโดด ทุกปัญหามีทางแก้ตลอด!

2 กัดไม่เจ็บ(หรอ?) แต่ปวดสุดๆ
แพร์รี่เป็นสัตว์ที่ดื้อ เชื่อเถอะ! เอาแต่ใจ ไม่ชอบถูกขัดใจ ต่อให้เวลาดีจะแสนดีแค่ไหน มุมวีนๆของเค้ามีให้เห็นทุกตัวแน่นอน ยิ่งเวลาตื่นตกใจทุกสิ่งมีชีวิตก็ต้องป้องกันตัว ผู้เลี้ยงแทบทุกคนโดนกัดมาแล้วทั้งนั้น มันเป็นวิธีการวัดใจเบื้องต้น! ถ้าคุณผ่านจุดนี้ไปได้ คุณจะเกิดการเรียนรู้ที่จะระวังตัว มันเป็นภูมิต้านทานอย่างดี!! เราเรียกกันว่า "กัดกระชับมิตร"

3 เล็บยาวๆมีไว้เพื่อขุดดิน แต่ถ้ากัดไม่ได้ การโดนตบ ตะปบ ข่วน ก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน มันเหมือนเป็นลายสัก ไม่ก็เป็นการทำสัญลักษณ์ไว้ที่ตัวผู้เลี้ยง เล็กบ้างใหญ่บ้าง ถี่ๆนานๆที แล้วแต่โอกาส

4 พลังทำลายล้างสูง แรงเยอะมาก ขนาดของที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวหลายเท่า มันยังสามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วยความมานะโคตรๆ ตัวอย่างเบาๆว่า อิฐบล็อคทั้งก้อน ถ้าไม่ได้โบกปูนก็ไม่ต่างกับของเล่นเด็กอนุบาล ทั้งดัน ทั้งกระแทก แถมทำงานกันเป็นทีมได้ดีซะด้วย!!
แพร์รี่ไม่ชอบอะไรที่เป็นระเบียบหรอก ถ้าอยากให้กรงหรือข้าวของจัดวางเป็นที่เป็นทางละก็ เค้าหางานให้คุณได้ไม่ว่างแน่นอน!

5 เป็นสัตว์ฟันแทะ สำคัญที่สุด! แทะจริงๆ ลืมกระรอกหรือกระต่ายไปได้เลย ถ้าคุณโชคดี เจอตัวที่มีความเพียรพยายาม เค้าจะสร้างงานศิลปะให้คุณได้ชมจนตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ไม้ พลาสติก โซฟา สายไฟ มุ้งลวด หนังสือ กระเป๋า กรง!! ถ้าคุณไม่อยากให้เค้าแทะอะไร วิธีที่ได้ผลที่สุดคือ "อย่าให้เค้าหามันเจอ!"

6 ฉลาดมาก!! ในสิ่งที่คุณอยากให้เค้าโง่!! เช่น รู้วิธีแหกกรง! วิธีหนีออกจากบ้าน! วิธีหนีเข้าไปตามซอกตามมุมที่คุณอุตส่าห์หาอะไรมาปิด! วิธีหาของที่คุณพยายามเอาไปซ่อน! วิธีที่คุณพยายามป้องกันไม่ให้เค้าปีน! วิธีที่คุณทำเพื่อไม่ให้เค้ากัดกรงหน้าแหก! วิธีที่คุณคิดว่าจะทำให้ข้าวของเป็นระเบียบ! มันเป็นพรสวรรค์ เชื่อเถอะ!



วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วันสบายๆของคูก้า


ชื่อ  :  คูก้า
เพศ  :  เมีย
อายุ  :  1  ขวบ
นิสัย  :  เอาแต่ใจ  กินเก่ง  ขี้วีน น่ารักในบางเวลา  ^^"

สัมภาษณ์ตัวแทนจำหน่ายแพรี่ด็อก


ขอขอบคุณพี่เจ  จากเพจ Prairie Dog Amigo  :  จำหน่ายแพรี่ด็อก ชุด  สายจูง  อาหาร  และรับฝึกแพรี่ด็อก  ราคากันเอง  บริการประทับใจ  สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามที่เพจ Prairie Dog Amigo หรือจะเดินทางไปดูไปเลือกชมหรือพูดคุยได้ที่  14/37 หมู่บ้านเหรียญทอง ต.คลองหลวง อ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ค่ะ

ยาที่ผู้เลี้ยงแพรี่ด็อกควรมีติดบ้าน




Critical  Care
อาหารเสริมเมื่อสัตว์เล็กไม่สบาย  เช่น  ท้องอืด  ท้องเสีย  หรือหลังผ่าตัด  สำหรับสัตว์ กินพืชที่ไม่สามารถกินอาหารได้  เนื่องจากอาการป่วย  บาดเจ็บและหลังการผ่าตัด


Bio-Critical
เป็นผลิตภัณฑ์ที่สัตวแพทย์สามารถเลือกใช้ได้กับสัตว์ทุกประเภท  โดยเฉพาะกับสัตว์ เลี้ยงขนาดเล็ก  ใช้รักษา-ป้องกันอาการท้องเสีย  ท้องอืด  ภาวะหยุดนิ่งของระบบทาง เดินอาหาร  บำบัดภาวะขาดน้ำ  (Dehydration)  ได้เป็นอย่างดี  มีเอนไซม์  และวิตามิน  ช่วยให้ระบบย่อยอาหารกลับมาทำงานได้เร็วขึ้น


Nano  Wound  Spray
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมนาโนเทคโนโลยี  ที่รักษาแผลทุกชนิดในสัตว์เลี้ยง  รวมทั้งแผลที่มี การติดเชื้อแบคทีเรีย  เชื้อรา  ไวรัส  และกรณีสัตว์เลี้ยงมีปัญหาด้านผิวหนัง  เช่น  บาด แผล  แผลหนอง  แผลอักเสบติดเชื้อ
วิธีใช้
แผลสด  :  ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำแกลือ  ซับให้แห้ง  จากนั้นฉีดพ่นด้วย  นาโนฯ  วันละ  2-3  ครั้ง
แผลหนอง  :   ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ  ถ้ามีหนองจำนวนมากต้องใช้ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์เจือจางช่วยชะแผล สิ่งสำคัญคือพวกแผลหนองต้องกำจัดหนองออกก่อน การทำแผลทุกครั้ง  ฉีดพ่นด้วยนาโนฯ  2-3  ครั้ง/วัน

##การเกิดบาดแผลในสัตว์เลี้ยง  นอกจากต้องทำความสะอาดบาดแผลทุกวัน  กินยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ  หรือ  รักษาการติดเชื้อที่บาดแผลด้วย  ซึ่งควร ปรึกษาสัตวแพทย์ไม่ควรเลือกยากินเอง###


การดูแลรักษาความสะอาด


**อาบน้ำ  ควรอาบปีละ 1-2 ครั้ง การอาบบ่อยเกินไปจะเป็นการชำระไขมันที่ปกคลุม บริเวณขน  ทำให้ขนแห้งหยาบ  และเกิดปัญหาผิวหนังได้  ในกรณีที่มีความจำเป็น  ที่ไม่ สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการใช้ผ้าเช็ดเปียกได้  เช่น  เป็นโรคอุจจาระร่วง  หรือเลอะปัสสาวะ  แต่ให้ล้างเฉพาะจุดเท่านั้น
การอาบน้ำควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เช่น  แชมพูสำหรับเด็กทารก  เนื่องจาก ผิวแพรี่ด็อกมีความบอบบาง หากเลือกไม่เหมาะสม  อาจทำให้เกิดการระคายเคือง  และเกิดปัญหาผิวหนังในระยะยาว
วิธีอาบน้ำ  เตรียมน้ำอุณหภูมิอุ่นกว่าร่างกายเล็กน้อย  ผสมแชมพูปริมาณเท่าเมล็ดถั่วใน อ่างที่มีปริมาณน้ำสูงประมาณ  1-2  นิ้ว  นำแพรี่ด็อกลงไปอาบอย่างระมัดระวัง อย่าให้ น้ำเข้าจมูก  และอาบอย่างรวดเร็ว  ล้างแชมพูให้สะอาด  เช็ดด้วยผ้าให้แห้ง  หรือเป่าด้วย เบาจนแห้งสนิท
การทำความสะอาดทั่วไปด้วยผ้า  ใช้แผ่นทำความสะอาดชนิดที่ใช้เช็ดก้นเด็ก  หรือแผ่น เช็ดเปียกที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม  แต่ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
หมายเหตุ  :  ไม่ควรทำความสะอาดด้วยสเปรย์ต่างๆ  เพราะส่วนผสมต่างๆในสเปรย์อาจ เป็นอันตรายเมื่อแพรี่ด็อกทำความสะอาดด้วยการเลียหรือไซร้ขน  อาจกินสารเคมีต่างๆ เข้าไป
**เล็บ การตัดเล็บควรใช้กรรไกรตัดเล็บสัตว์โดยเฉพาะ การตัดควรให้ทแยงมุม  45  องศา หรือขนานกับพื้นเวลาคว่ำปลายเล็บลง ถ้าตัดแล้วมีคมควรตะไบเล็บ  แบบถี่ตะไบให้ หมดคมด้วย ไม่ควรใช้กรรไกรตัดเล็บของคน  เพราะอาจทำให้เล็บแพรี่ด็อกฉีก  แตก ได้ง่าย
หากเล็บหลุด  หรือเล็บหัก  ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ถ้ามีเลือดออก  มันจะไหลออกมาเยอะ มาก  เพราะมันมีเส้นเลือดอยู่
สิ่งที่ควรทำ
1.         ห้ามใส่ยาทาภายนอก  เช่น  แอลกอฮอล์  หรือเบทาดีน  เพราะแพรี่ด็อกจะเลียและกิน เข้าไป  อาจทำให้เกิดอันตราย
2.         สิ่งที่ควรมีติดบ้าน  คือ  ผงห้ามเลือดสำหรับสัตว์  แป้งข้าวโพด (ยี่ห้อที่ปราศจาก สารเคมี)  น้ำเกลือล้างแผล
3.         นำนิ้วที่เลือดออก  จุ่มผงห้ามเลือดหรือแป้งข้าวโพด  แล้วเอาผ้าชุบน้ำเย็นจัดบิด หมาดๆ  หรือห่อน้ำแข็ง  ประคบที่นิ้วจนเลือดหยุดไหล  แล้วล้างแผลด้วย น้ำเกลือ  นำผ้าเช็ดผงห้ามเลือดหรือแป้งข้าวโพดออกเท่าที่ทำได้ (ผู้ เลี้ยงควร ระมัดระวังตัวเองด้วย)
4.         ดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ  โดยเฉพาะกรณีเล็บหลุด  อาจติดเชื้อได้ง่าย
5.         สังเกตอาการ  หากเกิดอาการบวม  แดง  อุณหภูมิสูง  อาจเกิดการอักเสบ  ควร พาพบแพทย์   
**ฟัน 
-              แพรี่ด็อกไม่มีฟันน้ำนม  และมีฟันกรามด้านในอีก
-              ฟันหน้าซ้ายและขวา  มีรากฟันแยกกันคนละซี่  มันจึงสามารถห่างออกจากกันได้
-              ฟันหน้าทั้งบนและล่างจะยาวตลอดเวลา  แต่ฟันจะขัดกันบนล่างตลอด  ทำให้ไม่ ยาวไปทิ่มเหงือกฝั่งตรงข้าม  ฟันล่างบนจะยาวเท่าๆกัน  ฟันซ้ายขวาต้องเสมอกัน หากผิดปกติควรพาไปให้หมอดัดฟัน
-              ไม่ควรตัดฟัน  เพราะถ้ารากฟันเกิดความเสียหาย นั่นอาจหมายถึงชีวิต
ฟันหัก  เมื่อแพรี่ด็อกฟันหัก  แต่รากฟันไม่เสียหาย  ฟันแพรี่ด็อกสามารถงอกทด แทนได้ตลอด
สิ่งที่ควรทำเมื่อฟันหัก
1.         หากพบฟันโยก  ควรพาพบแพทย์  เพื่อตัดฟัน  ไม่ควรปล่อยไว้
-ทำให้เกิดความเจ็บปวด  ได้มากกว่าที่หลุดไปแล้ว
-กินอาหารลำบาก
-อาจทำให้ฟันเก  เบี้ยว  ผิดรูป
     2.  ไม่ควรดึงหรือตัดฟันออกเอง
     3.   หักอาหารเม็ด  หรือหญ้าเป็นชิ้นพอดีคำ  เพื่อให้แพรี่ด็อกสามารถกินอาหารได้ง่าย ขึ้น
    4.  หากแพรี่ด็อกไม่สามารถกินอาหารได้  หรือกินได้น้อยกว่าเดิม  สามารถให้อาหาร เสริม  Oxbow’s  Critical  Care  ผสมน้ำ  ป้อนใส่สลิ้งให้แพรี่ด็อกได้
**ขน  การผลัดขนและขนร่วง  เกิดได้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง  ดังนี้
1.         โภชนการ  การได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสม  ทำให้ขนแห้ง  หยาบ  หรือมันเกินไป  ก็ ทำให้เกิดปัญหาขนร่วงได้เช่นกัน  หรือโภชนาการไม่เหมาะสมทำให้เกิดการทิ้งขน  เพื่อนำสารอาหารไปใช้ในส่วนอื่นของร่างกายแทน  และถ้าหากได้รับสารอาหารไม่เพียง พอก็จะไม่มีการสร้างขนใหม่ขึ้นมาทดแทน  ทำให้เกิดปัญหาขนร่วงเรื้อรัง
-การให้อาหารที่มีไขมันมากเกินไป  จำพวกถั่ว  เมล็ดพืช  ทำให้มีไขมันอยู่ใต้ผิว หนังมาก
-การเปลี่ยนอาหาร  จากอาหารที่ไม่ถูกโภชนาการ  ไปสู่อาหารที่สมบูรณ์  อาจเกิด การผลัดขนที่ไม่ดีทิ้งไป  เพื่อสร้างขนใหม่
2.         สภาพที่อยู่อาศัย  แพรี่ด็อกมีพัฒนาการมาเพื่ออยู่ในสถานที่แห้ง  ดังนั้นแพรี่ด็อก จึงไม่ถูกกับความชื้น  หากสภาพที่อยู่อาศัยมีความร้อนและชื้นสูง  การทำให้เกิด ปัญหาผิวหนัง  นำมาสู่การผลัดขน  หรือขนร่วง
-ความชื้นอาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค  รา  แบคทีเรียที่ระคายเคืองผิว
-การที่ผิวหนังสัมผัสกับสิ่งระคายเคือง  เช่น  ปัสสาวะ  แผ่นรองกรง  ไม้  ที่มีการ  สะสมของเชื้อโรค
3.         ฤดูกาล  การผลัดขนประจำฤดูกาลขึ้นอยู่กับระดับความแตกต่างของอุณหภูมิที่ เปลี่ยนแปลง  เช่น  ร้อนไปหนาว   หนาวไปร้อน  ในองศาที่แตกต่างกันมากๆ  หากมีความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้อย่างชัดเจน  ก็อาจทำให้แพรี่ด็อกผลัดขนได้
ในประเทศไทยพบว่าอาจมีการผลัดขนได้มากขึ้น  ปีละ  3  ครั้ง  แต่หากผู้เลี้ยง  รักษาสภาพแวดล้อมให้คงที่  อยู่ในสถานที่เลี้ยงที่เหมาะสม  ได้รับอาหารที่ดี  ก็  จะผลัดขนเพียงปีละครั้งเท่านั้น
4.         วัย  ช่วงอายุก็เป็นปัจจัยหนึ่งสำหรับการผลัดขน  เช่น  ขนวัยเด็ก  4 -12  สัปดาห์  ไปสู่ขนโต
5.         การอาบน้ำหรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ  การอาบน้ำทำให้ไขมันที่เคลือบผิวหนังและขนถูกชำระออกไป  ซึ่งไขมันเหล่านี้ ถูกผลิตขึ้นในปริมาณที่จำกัด  ทำให้ผิวแห้ง  ขนหยาบ  การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความ สะอาดที่มีส่วนผสมของสารเคมีอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง  หรือแม้แต่ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติก็อาจทำให้แพ้ได้  ดังนั้น  แนะนำให้อาบน้ำด้วยสบู่เด็ก ปีละ  1-2  ครั้งเท่านั้น  หรือทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำเปล่าเฉพาะจุดและเช็ด ให้แห้ง

หมายเหตุ  : 
-ระยะเวลา  ความรุนแรงในการผลัดขนไม่แน่นอน  ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวข้างต้น
-ระยะเวลาการงอกของขนไม่แน่นอน  ส่วนหัว 
-ขนจะงอกกลับได้เร็วกว่าส่วนอื่น ช่วงลำตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆ  อาจกินเวลานาน  4-6  เดือน  ในกรณีที่ขนร่วงหรือถูกโกนขน  อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนัง  ยิ่งส่วนที่เป็น ผิวหนังบอบบาง  จะยิ่งใช้เวลานานกว่า
-ผิวบริเวณที่ขนร่วง  ลักษณะที่ปกติคือต้องมีสีดำ-เข้ม
-ถ้าผิวเป็นสีแดง  อาจหมายถึงการอักเสบของผิวหนัง
ปัจจัยอื่นที่ทำให้ร่วง
นอกจากความชื้นและการผลัดขนนั้น  อาจเกิดจากโรคผิวหนัง  เช่น  เรื้อน  ตุ่มแดง  เชื้อรา  หรืออาการคัน  บวม  จากเห็บ  หมัด  ไร  ปัญหาเหล่านี้จะพบได้กับแพรี่ด็อกที่มี กิจกรรมนอกบ้าน  พบเจอสัตว์ชนิดอื่น  เดินบนดินหรือหญ้า  ซึ่งหากเลี้ยงอยู่ในบ้านจะ ไม่ค่อยพบปัญหาเหล่านี้
แนวทางการรักษา(ขึ้นอยู่กับสาเหตุปัญหา)
-เพราะผลัดขนตามฤดูกาล  ผู้เลี้ยงควรรักษาสภาพแวดล้อมกับอุณหภูมิให้คงที่ระหว่าง การผลัดขน
-เพราะสารอาหารไม่เพียงพอ  ควรปรับโภชนาการและให้อาหารเสริมได้เหมาะสมตาม น้ำหนักและปัญหาที่พบ
-เพราะสถานที่เลี้ยง  ถ้าไม่มีแสงสว่าง  ร่างกายก็ไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ อย่างสมบูรณ์  หรือมีความร้อนชื้นสูง/เลี้ยงร่วมกับสัตว์อื่น/อุปกรณ์ที่ใช้

-เพราะโรค  แบคทีเรีย  เห็บ  หมัด  ไร  เชื้อรา  ต้องรักษาให้หายก่อน  แล้วจึงเข้าสู่การฟื้น ฟูผิว